สถานการณ์...ลูกชายวัย 8 ขวบเรียนหนักเพราะเพื่อนที่ห้องเรียนพิเศษกันเยอะ ก็เลยต้องให้ลูกไปเรียนเพราะเกรงจะไม่ทันเพื่อน ซึ่งแม่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องเรียนพิเศษเท่าไหร่ แต่ไปอยู่โรงเรียนที่มีค่านิยมแบบนี้ แม่ก็เครียดตามไปด้วย สงสารลูก ไม่รู้จะต้านกระแสยังไง กลุ้มจริงๆ
ทางออก... ผู้ปกครองต้องพยายามเดินสายกลางเข้าไว้ อย่าไหลไปตามกระแสมากเกินพอดี ปัจจุบันสังคมไทยเน้น ค่านิยมเรื่องการแข่งขัน คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี ได้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เด็กไทยใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง ที่เห็นกันมากคือ เด็กๆต้องไปเรียนกวดวิชา ตั้งแต่ 4-5 ขวบ เพื่อจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ การที่เด็กโดนบังคับส่งผลให้เด็กไม่มีความสุข เกิดความเครียด เอนดอร์ฟินไม่หลั่ง สมองก็จะไม่ได้รับการกระตุ้น ไม่ได้ถูกพัฒนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อพัฒนาการเด็กอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้สติปัญญาของเด็กต่ำกว่ามาตรฐาน
เด็กในวัยนี้ควรได้เรียนรู้จากการเล่นตามธรรมชาติมากกว่าการถูกบังคับในนั่งเรียนหนังสือ แต่ปัจจุบันการเลี้ยงดูเป็นไปอย่างสวนทาง ความจริงแล้วตั้งแต่อายุ1-2 ขวบ เด็กเริ่มพูดได้แล้ว ดังนั้นควรเริ่มจากการให้เด็กพูดคุย รู้จักการเรียงรูปแบบประธาน กริยา กรรมให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาเริ่มเขียน แต่เด็กไทยกลับถูกสอนให้ท่องตัวอักษรให้ได้ก่อน ต้องเขียนได้ อ่านได้ ผสมคำเป็น แล้วค่อยสื่อสาร ซึ่งเป็นวิธีที่สวนทางและฝืนธรรมชาติเด็ก
การที่คุณพ่อคุณแม่รีบเร่งเด็กให้เก่งตั้งแต่อายุน้อยๆ เพื่อให้เด็กสามารถไปแข่งขันกับคนอื่นๆได้นั้น อาจส่งผลเสียต่อตัวเด็กในระยะยาว เนื่องจากเด็กไม่ได้รับการพัฒนาไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น การเรียนการสอนกลายเป็นแบบเร่งด่วนเพื่อให้เด็กจำได้ โดยเพิกเฉยต่อการปล่อยให้เด็กได้ทดลองปฏิบัติด้วยตัวเอง ความรู้ที่เด็กได้รับเป็นเพียงแค่ความรู้แบบนามธรรม คือการจำได้ แต่ไม่เข้าใจ ไม่เห็นภาพ ไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับสิ่งอื่นรอบตัวได้ การเรียนรู้ที่แท้จริงผ่านการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจะไม่เกิดขึ้น ในระยะยาวเด็กไม่สามารถคิดเองได้ และระดับสติปัญญาจะต่ำลงเรื่อยๆในที่สุด
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยวิธีการส่งเสริมความคิดเชิงสร้างสรรค์ ควบคู่กับการกระตุ้นพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน นั่นคือการปล่อยให้เด็กเติบโตและทดลองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ใช้จินตนาการของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่มีการเร่งรัด หรือบังคับ ให้เด็กได้ปฏิบัติจริง และได้แก้ไขปัญหาผ่านการลองผิดลองถูกเอง เช่น ให้ลูกออกไปสำรวจธรรมชาติมากกว่าการนั่งท่องหนังสืออยู่ในบ้าน เพื่อให้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ออกไปเล่นกับเพื่อน การสื่อสาร และความฉลาดด้านอารมณ์ วิธีการนี้ทำให้สมองของเด็กผลิตเซลล์ประสาทได้มากขึ้น เส้นใยที่เชื่อมต่อในจุดต่างๆ จะเยอะขึ้น เรียนรู้ได้ดีขึ้น มีพัฒนาการรอบด้านที่สมวัยพร้อมศักยภาพที่จะแข่งขันได้อย่างแท้จริง